ปุ๋ย ส่วนใหญ่ จะมีค่าเป็นกรด 2. ปุ๋ยผสมหรือ ปุ๋ยคอมปาวน์ ส่วนใหญ่ จะมี พีเอช ในช่วง 6-6. 5 เช่น 15-15-15 8-24-24 3. พวกแม่ปุ๋ย จะ มีความเป็น กรด หรือ ด่าง สูง ในทางใดทางหนึ่ง เช่น 12-60-0 18-46-0 46-0-0 เป็น ต้น ดังนั้น การเอาแม่ปุ๋ยโดด ๆ มาใส่ จึงค่อนข้างอันตรายต่อ พืช และ ดิน 4. วิธีที่เหมาะ จึงควรเอา แม่ปุ๋ยมาผสม กันก่อน อย่าใส่ โดด ๆ ลง ไป เช่น ใส่ 46-0-0 อย่างเดียวทีละ กระสอบ 5. วิธีใส่ปุ๋ย ที่เหมาะ ที่ พืช จะ ได้ ทั้ง ธาตุอาหารครบ และ ระดับพีเอช อยู่ ในช่วงที่เหมาะ คือ 6-6. 5 นั่น คือ การเอาปุ๋ย มาผสม กัน ในอัตราส่วนที่พอเหมาะ อย่างเช่น ที่ ผมมักให้เป็น สูตรพื้นฐานก่อนแล้วโตขึ้นมาปรับอีกที คือ สูตร (15-15-15+15-0-0+แมก) ในอัตราส่วน 6/4/2 เมื่อดูจากตาราง 15-15-15 มีค่า พีเอช 6. 4 ในอัตราส่วน 6 ส่วน + 15-0-0 มีค่าพีเอช 6 ในอัตราส่วน 4 ส่วน + แมก ที่มีค่า พีเอช 5. 4-6. 1 ในอัตราส่วน 2 ส่วน ค่า พีเอช ที่ออกมาก็ จะราวๆ 6. 1-6. 2 ใส่ปุ๋ยแบบนี้นอกจากพืช ได้ปุ๋ยครบ แถมยังจะกินปุ๋ยดี ด้วย คับ นี่คือ 1 ในความลับการใส่ปุ๋ย คับคือ อัตราส่วนปุ๋ยผสมต้องได้ค่าพีเอชที่่พอเหมาะ เพราะ บางท่าน ใส่ปุ๋ย ธาตุอาหารครบ แต่พอผสม กัน กลายเป็นกรด จัด หรือ ด่าง จัด หรือ ค่ากรดด่าง ไม่เหมาะกับพืช ชนิดนั้นเท่าไหร่ เลย จบกันคับ 6.
อย่าลืมคับ ใส่ปุ๋ยนอกจากให้ธาตุอาหารครบ 14 ชนิดแล้ว ต้อง คุม พีเอช. ของการผสมปุ๋ย ให้ ได้ 6-6. 5 ด้วยคับ 7. มี 2 วิธี ในการหาค่า พีเอช ของ ปุ๋ยผสม คือ แบบแรก คำนวณ สมดุลย์ ประจุ ( แบบนี้ ปล่อยให้ไอ้พวกบ้าคำนวณเช่นผมคับ) อีกแบบทดลองผสมตามอัตราส่วนที่ต้องการน้อยๆ ก่อนคับ แล้วมาละลายน้ำ อัตรา ประมาณ 10 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้ว วัด พีเอช คับ ถ้า ได้ 6-6. 5 โอเค ถ้า ต่างจากนี้ นิดหน่อยก็ โอเคคับ ถ้า ไม่ได้ ต้องดูว่า เป็น กรด ไป หรือ เป็น ด่างไป ถ้า เป็น กรด ก็ หาตัวที่เป็น ด่างมาแทนในสูตร คับ ทำความเข้าใจไว้อย่างนะคับ เวลาจะเอาอะไรใส่ให้พืช เราต้องรู้ ว่า มันคือ อะไร มีผลอย่างไร มีค่าพีเอชเท่าไหร่ ใส่แล้วพืชจะเป็นอย่างไร ดินจะเป็นอย่างไร อย่าใส่เพราะ เค้าบอกว่า ดี ๆๆๆ แบบนั้นร้อยทั้งร้อยเสียเงินฟรีคับ ลองศึกษาดูคับ ไม่ยาก ค่อยๆๆเรียนรู้ไป ขอบคุณข้อมูล
1 x 10 -2 HF K a = 6. 8 x 10 -4 CH 3COOH K a = 1. 8 x 10 -5 H 2CO 3 K a = 4. 4 x 10 -7 ความแรงของกรดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยตามค่า K a ได้ดังนี้ HClO 2 > HF > CH 3COOH > H 2CO 3 ในทำนองเดียวกัน ความแรงของเบส ก็พิจารณาจากค่า K b กล่าวคือ ถ้ามีค่า K b มาก มีความเป็นเบสมากกว่า K b น้อย เช่น NH 3 K b = 1. 76 x 10 -5 N 2H 4 K b = 9. 5 x 10 -7 C 6H 5NH 2 K b = 4. 3 x 10 -10 ความเป็นเบส NH 3 > N 2H 4 > C 6H 5NH 2 2.
บทที่ 27: กรดอะมิโน เปปไทด์และโปรตีน จุดไอโซอิเล็กทรอนิกส์, พีไอ. จุด isoelectronic หรือจุด isoionic คือ pH ที่ กรดอะมิโน ไม่ย้ายในสนามไฟฟ้า ซึ่งหมายความว่าเป็น pH ที่ กรดอะมิโน เป็นกลาง กล่าวคือ รูปแบบสวิตเตอร์ไอออนมีความโดดเด่น นอกจากนี้ ค่า pI ของโปรตีนคืออะไร? จุดไอโซอิเล็กทริก หรือที่เรียกว่า pI ของ โปรตีน คือ pH ที่ประจุสุทธิของ โปรตีน เป็นศูนย์ การโฟกัสด้วย ไอโซอิเล็กทริก เป็นเทคนิคการแยกที่แยกเปปไทด์ตาม จุดไอโซอิเล็กทริก หรือกรดและด่างของสารตกค้างเป็นอย่างไร ประการที่สอง pKa หมายถึงอะไร ประเด็นสำคัญ: คำจำกัดความ pKa ค่า pKa เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการ ระบุ ความแรงของกรด pKa คือ ค่า ลบของค่าคงที่การแยกตัวของกรดหรือค่า Ka ค่า pKa ที่ ต่ำกว่าแสดงว่าเป็นกรดที่แรงกว่า นั่นคือค่าที่ต่ำกว่าแสดงว่ากรดแยกตัวออกจากน้ำได้เต็มที่มากขึ้น ในที่นี้ pI และ pH คืออะไร? จุดไอโซอิเล็กทริก ( pI, pH (I), IEP) คือ pH ที่โมเลกุลไม่มีประจุไฟฟ้าสุทธิหรือเป็นกลางทางไฟฟ้าในค่าเฉลี่ยทางสถิติ ระบบการตั้งชื่อมาตรฐานที่ใช้แทนจุดไอโซอิเล็กทริกคือ pH (I) แม้ว่า pI จะเห็นได้ทั่วไปเช่นกัน และใช้ในบทความนี้เพื่อความกระชับ ทำไมกรดอะมิโนถึงมีค่า pKa สองค่า?
คู่กรด – เบส คือ สารที่เป็นคู่กรด-เบสกัน H + ต่างกัน 1 ตัว โดยที่ คู่กรดจะมี H + มากกว่าคู่เบส 1 ตัว ความแรงของกรดและเบส = การแตกตัวในการให้โปรตอน(กรด) ความสามารถในการรับโปรตอน(เบส) CH 3COOH (aq) + H 2O (aq) CH 3COO – (aq) + H 3O + (aq) <<< เราต้องรู้ทิศทางการเลื่อนของสมดุลก่อน เราจึงจะบอกถึงความแรงได้>>> 1. ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางขวา CH 3COOH เป็นกรดแรงกว่า H 3O + / H 2O เป็นเบสแรงกว่า CH 3COO – 2. ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางซ้าย H 3O + เป็นกรดแรงกว่า CH 3COOH / CH 3COO – เป็นเบสแรงกว่า H 2O ถ้าค่า K > 1 สมดุลเลื่อนไปข้างหน้า(สารผลิตภัณฑ์มากกว่าสารตั้งต้น) K < 1 สมดุลเลื่อนย้อนกลับ(สารผลิตภัณฑ์น้อยกว่าสารตั้งต้น) K = 1 ไปข้างหน้าเท่ากับย้อนกลับ (สารผลิตภัณฑ์=สารตั้งต้น) ความแรงทั้ง 2 ข้างเท่ากัน เปรียบเทียบกรดแก่กับเบสแก่ กรดแก่ เบสแก่ 1. กรดแก่มีอะไรบ้าง 2. กรด Hydro = HCl HBr HI 3. กรด Oxy = HNO3 HClO3 HClO4 H2SO4 4. การแตกตัว 100% 5. การเป็นอิเล็กโทรไลต์ = แก่ 1. เบสแก่มีอะไรบ้าง 2. หมู่ 1 = LiOH NaOH KOH RbOH CsOH 3. หมู่ 2 = Ca(OH)2 Sr(OH)2 Ba(OH)2 4.
กรดอะมิโนที่ มีประจุมีหมู่ R ที่ มี สายข้างที่เป็นกรดหรือเป็นเบส ซึ่งให้ไอออน H + ที่ แยกออกได้มากกว่า สอง ตัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่ม อะมิโน ส่วนเกิน พวกมันจะ มี เพียงหนึ่ง pKa ในบริเวณที่เป็นกรดและ สองค่า pKa ในภูมิภาคพื้นฐาน
ดูจากการเรียงลำดับในตารางธาตุ การพิจารณาความแรงของกรดและเบสดูจากการเรียงลำดับของธาตุที่อยู่ในกรดนั้น ตามตารางธาตุ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3. 1 กรดออกซี หมายถึง กรดที่ประกอบด้วย H, O และธาตุอื่นอีก เช่น HNO 3 H 3PO 4 H 3AsO 4 HClO 4 ถ้าจำนวนอะตอมออกซิเจนเท่ากัน ความแรงของกรดเรียงลำดับดังนี้ ดังนั้น H 2SO 4 > H 2SeO 4, H 3PO 4 > H 3AsO 4 3. 2 กรดที่ไม่มีออกซิเจน เช่น HCl, HBr, HF, และ HI ความแรงของกรดแรงลำดับดังนี้ HI > HBr > HCl > HF H 2S > H 2O -ขอบคุณข้อมูล และ Author: Tuemaster Admin ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด!! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม. ปลาย (ม. 4, ม. 5, ม. 6) Post navigation
5 แต่อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนวัยมีประจำเดือน (Before menstruation) และช่วงหลังหมดประจำเดือน หรือวัยทอง (Menopause) ค่า pH ที่เหมาะสมและบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีของช่องคลอด คือ ควรมีค่า มากกว่า 4. 5 นะคะ ค่า pH Balance สำคัญอย่างไร? ค่า pH Balance จะช่วยให้สภาพแวดล้อมในช่องคลอดเกิดความเป็นกรด และสามารถปกป้องช่องคลอดไม่ให้เกิดการติดเชื้อ จากเชื้อก่อโรคต่าง ๆ ได้ หากค่า pH มากกว่า 4. 5 จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อขึ้นได้ เชื้อที่มักพบ เมื่อ pH ของช่องคลอดมีค่ามากกว่า 4. 5 ส่วนใหญ่ คือ Bacterial Vaginosis (BV) และ Trichomoniasis Conclusion: กล่าวโดยสรุป คือ ช่องคลอดที่มีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ค่า pH ประมาณ 3. 5 หรือที่เรียกว่า pH Balance จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องคลอด และลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่อาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ แต่หากช่องคลอดมีสภาพเป็นกรดแก่มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดปัญหาบางประการ และที่สำคัญคือลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น เพราะอสุจิ (Sperm) สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพที่เป็นด่าง หรือ ค่า pH ประมาณ 7-8. 5 ขณะมีเพศสัมพันธ์ ค่า pH ของช่องคลอดจะถูกปรับให้สูงขึ้นชั่วคราว (Temporarily rises) เพื่อให้อสุจิสามารถมีชีวิตจนได้เข้าผสมกับ (Egg) Call-to-Action: การดูแลจุดซ่อนเร้นให้สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยให้ช่องคลอดของคุณมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น และการพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มี pH Balance, ปราศจากสารเคมี และผลิตจากธรรมชาติ จะช่วยคงความสมดุล ป้องกันอาการระคายเคือง (หากค่า pH ของผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม มักทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น คัน หรือ อักเสบได้ง่าย) และมีส่วนช่วยให้ช่องคลอดแข็งแรงขึ้นได้ด้วยนะคะ
'ค่า pH Balance' คืออะไร แล้วทำไมผู้ชายอย่างเราต้องสนใจด้วย?
elderlyinnovation.com, 2024