5 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น ก็จะบ่งบอกถึงระดับความรุนแรงของอาการที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในกรณีที่มีไข้สูงมากๆ ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงได้ถึงมากกว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ถ้าวัดไข้ได้มากกว่า 37 องศา ควรทำอย่างไร อย่างที่ทราบกันว่าหากอุณหภูมิของร่างกายมากกว่า 37. 5 องศาเซลเซียส จะถือว่าร่างกายเริ่มมีไข้แล้ว ซึ่งในการรักษาและบรรเทาอาการสามารถปฏิบัติได้ตามวิธี ดังต่อไปนี้ 1. ทานยาลดไข้ หรือยาแก้ปวด เมื่อตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย แล้วพบว่ามีอุณหภูมิสูงหรือมีไข้ ก็ควรรับประทางยาลดไข้ หรือยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล เอาไว้เลย เพื่อช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย 2. คอยตรวจวัดอุณหภูมิอยู่เสมอ ในระหว่างการรักษาอาการไข้ ควรทำการตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายอยู่เสมอ โดยทางที่ดีควรตรวจวัดทุกๆ 6 – 8 ชม. เพื่อเป็นการประเมินอาการว่ามีไข้สูงขึ้นหรือไข้ลดลง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด 3. เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น การนำผ้าไปชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ มาเช็ดตัวบ่อยๆ ในบริเวณที่มีเส้นเลือดแดงขนาดใหญ่ เช่น หน้าผาก รักแร้ คอ และตามข้อพับต่างๆ จะเป็นการช่วยให้สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีขึ้น และทำให้ไข้ลดลงได้ 4.
การวัดอุณหภูมิร่างกาย มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น ดังนั้น ร่างกายมนุษย์จึงมีกลไกที่จะรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่อยู่เสมอ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม เมื่ออากาศร้อนร่างกายจะขับความร้อนออกมา เช่น เหงื่อออก ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น ในทางกลับกันเมื่อสิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิลดต่ำลง หลอดเลือดที่ผิวหนังจะหดตัว ขนลุกชันและกล้ามเนื้อจะมีการสั่นเพื่อสร้างความร้อนขึ้นมา ตำแหน่งที่ใช้วัดอุณหภูมิร่างกาย • วัดอุณหภูมิทางปาก โดยอุณหภูมิปกติ คือ 36. 8 C • วัดอุณหภูมิทางรักแร้ โดยอุณหภูมิปกติ คือ 36. 4 C • วัดอุณหภูมิทวารหนัก (นิยมใช้ในเด็กเล็ก) โดยอุณหภูมิปกติ คือ 37. 6 C หากวัดอุณหภูมิได้มากกว่า 37.
สถานการณ์โรคระบาด "โควิด-19" ในประเทศไทยยังคงน่าเป็นห่วงเพราะจากการแถลงข่าวอัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อจากกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์โควิด-19 พบว่ามีจำนวนมากขึ้นทุกๆ วัน สิ่งที่คนไทยทุกคนช่วยประเทศไทยได้ในตอนนี้คือต้อง "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" หากใครยังกังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อและมีอาการป่วยหรือไม่?
6 C วิธีการวัดเช่นเดียวกับการวัดอุณหภูมิทางปาก ทั้งนี้ข้อผิดพลาดของการตรวจวัดไข้ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ ปรอทวัดไข้ไม่สัมผัสกับพื้นที่ผิว เช่น อมปรอทไม่สนิท หนีบปรอททางรักแร้ไม่แน่น ไม่สะบัดปรอทก่อนนำมาใช้งาน วัดอุณหภูมิหลังจากรับประทานยาลดไข้ ทำให้อุณหภูมิที่วัดได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ผู้วัดไข้จึงต้องพึงระวังในเรื่องนี้ด้วย นพ. คมน์สิทธิ์ เดชะรินทร์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
elderlyinnovation.com, 2024